ความพิเศษของการทำศัลยกรรมตัดกราม เหลากราม ผ่าตัดกราม ด้วยเทคนิควีไลน์ ของ EU
ปัญหากรามใหญ่ หน้าเหลี่ยม ใบหน้ากว้าง อาจทำให้ใครหลายๆคน โดยเฉพาะสาวๆขาดความมั่นใจ เพราะกรามที่มีลักษณะเหลี่ยมมักจะทำให้ใบหน้าขาดความอ่อนหวาน ใบหน้าดูแข็ง ดูดุ ดังนั้นการตัดกรามจึงเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการแก้ไขปัญหา เนื่องจากเป็นวิธีที่แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด และแก้ปัญหาได้อย่างถาวร โดยการ ตัดกราม สามารถทำร่วมกับการเสริมคางหรือเลื่อนคางไปพร้อมๆกัน เพื่อให้คนไข้ได้รับผลลัพธ์ที่น่าพอใจมากที่สุด
เหลากราม คืออะไร ทำไมต้องเหลากราม
การศัลยกรรมตัดกราม คือ การศัลยกรรมตัดกระดูกกราม บริเวณใต้ใบหูไล่ลงมาจนถึงคางด้านข้างให้เรียวเรียบ เพื่อให้ใบหน้าดูเล็กและเรียวสวย การทำศัลยกรรม ลดขนาดของกราม เหมาะกับผู้ที่มีใบหน้าส่วนล่างดูกว้าง กระดูกกรามใหญ่และหนา
ทำไมต้องทำศัลยกรรมผ่าตัดกราม ที่ EU
- ลดขนาดให้พอเหมาะพอดีมีมิติ การเหลากระดูกที่เรียบยาว
- วิสัญญีแพทย์ 1:1 ในการร่วมผ่าตัด เพราะเราคำนึงถึงความปลอดภัยของคนไข้เป็นอันดับแรก
- ใช้เทคนิคเฉพาะเพื่อลดการเกิดอาการหย่อนคล้อยหลังการผ่าตัด
- ทำการผ่าตัดโดยศัลยแพทย์เฉพาะทาง ที่มากด้วยดวยประสบการณ์
- เป็นโรงพยาบาลที่ได้รับความนิยมจากทั้งคนเกาหลี และต่างชาติ
- ไม่มีสายเดนเลือดหลังการผ่าตัด
- มุมกรามเรียวสวยตั้งแต่ใต้ใบหูจรดขอบคาง
- แผลการผ่าตัดอยู่ในปากทั้งหมด
ข้อแตกต่างของการผ่าตัดกรามของ EU กับการผ่าตัดกรามทั่วไป
- การตัดกรามที่ EU เราเน้นการผ่าตัดลดขนาดกรามให้พอเหมาะพอดี เราคำนึงถึงขนาดและความหนาของกระดูก เพื่อดีไซน์ออกมาให้สวยงาม คุณหมอจะทำการตัดกระดูกเพื่อลดขนาดความกว้างของกระดูกโครงหน้าส่วนล่าง ตัดเนื้อเยื่อกระดูกชั้นนอก กำจัดกระพุ้งแก้ม (ในกรณีที่จำเป็น จะทำการกำจัดไขมันที่อยู่ด้านในกระพุ้งแก้มด้วย เพื่อให้เห็นผลลัพธ์การลดขนาดกรามที่ชัดเจน) โดยใช้เทคนิคการผ่าตัดกระดูกตั้งแต่ใต้หูไล่ลงมาจนถึงขอบคาง จากนั้นทำการกรอเก็บขอบกระดูกให้เรียบเนียน เพื่อให้ใบหน้าที่เรียวสวย โดยไม่เกิดมุมกรามเล็กๆเพิ่ม
- การตัดกรามแบบทั่วไปทำการตัดกระดูกเพื่อลดขนาดความกว้างของกรามเพียงเท่านั้น อาจทำให้เกิดมุมกราเล็กๆเพิ่มและผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ใบหน้าอาจจะเรียวตาขาดความีมิติ
( ในการตัดกรามบางกรณียังมีความจำเป็นที่จะต้องทำการตัดเนื้อเยื่อกระดูกชั้นนอกออกเพื่อเพิ่มความเรียว ให้เห็นผลชัดเจนขึ้น )
รีวิวตัดราม เหลากราม ผ่าตัดกราม ด้วยเทคนิควีไลน์ โรงพยาบาล EU
ปัญหาก่อนการทำศัลยกรรมตัดกราม
ก่อนทำศัลยกรรมคนไข้มีความกังวลเรื่องโครงหน้าของตัวเองที่ไม่สมดุลกัน โหนกแก้มทั้ง 2 ข้างไม่เท่ากัน อีกทั้งโหนกแก้มที่มีขนาดใหญ่และกว้าง ทำให้หน้าดูมีอายุเกินจริง แต่สิ่งที่คนไข้กังวลที่สุดคือ กรามที่ชัดกับฟิลเลอร์ที่คาง คุณหมอแนะนำให้คนไข้ ผ่าตัดกราม ร่วมกับการลดโหนกแก้ม การขูดฟิลเลอร์ที่คางออก และ การเลื่อนกระดูกคาง เพื่อให้ได้โครงหน้าใหม่ที่มีความสมดุลกัน
รายการศัลยกรรมที่ทำกับโรงพยาบาล Eu นอกเหนือจากการตัดกราม
- ลดโหนกแก้มตัว L 45 องศา
- ตัด+เหลามุมกราม ลขนาดความกว้างและความหนาของกระดูกกราม
- เลื่อนคางรูปตัว T
- ขูดฟิลเลอร์คาง
- ฉีดไขมันสเตต็มเซลล์หน้าฝาก ขมับ เพื่อเพิ่มวอลุ่มให้กับใบหน้า
รูปภาพก่อนการทำศัลยกรรมผ่าตัดกราม
หลังจากที่ตรวจร่างกายและปรึกษาคุณหมอเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมตัวเข้าห้องผ่าตัดค่ะ ที่เห็นตาบวมๆนั้น คนไข้ทำตามาจากที่อื่นก่อนที่จะมาทำโครงหน้ากับ EU
รูปภาพหลังออกจากห้องผ่าตัดแบบสดๆ ร้อนๆ ค่ะ สำหรับการผ่าตัดกรามนิยมทำร่วมกับการลดโหนกแก้ม และ การเลื่อนคาง เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
รูปภาพหลังผ่าตัดวันที่ 2 คนไข้มีอาการบวมมากกว่าปกติ เนื่องจากมีอาการบวมช้ำมากจากการทำตามาก่อน บวกกับมีการฉีดไขมันเพื่อเติมเต็มหน้าผากกับขมับเพื่อให้หน้าดูเด็กขึ้นร่วมกับการผ่าตัดปรับโครงหน้า แต่อากการบวมช้ำเหล่านี้จะดีขึ้นเรื่อยๆตามลำดับโดยใช้ระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ค่ะ (สำหรับที่ EU เรามีเลเซอร์ลดบวมไว้คอยบริการฟรี ให้กับคนไข้ที่ผ่าตัดกับเราทุกวัน เป็นระยะเวลา 14 วันหลังการผ่าตัด)
วันที่ 3 หลังการผ่าตัดกราม การประคบเย็นหลังการผ่าตัดจะช่วยให้อาการบวมคงที่ ไม่มีอาการบวมที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เลือดที่แผลในปากหยุดได้เร็วขึ้น การเดินบ่อยๆช่วยให้หายจากอาการยุบบวมได้ไวขึ้น การทำเลเซอร์ลดบวมหลังการผ่าตัดแสงอุ่นๆจากเลเซอร์จะช่วยกระตุ้นให้เซลล์กลับมาแข็งแรงได้เร็วขึ้นทำยุบบวม เร็วขึ้น
วันที่ 5 หลังการผ่าตัด โดยทั่วไปหลังการผ่าตัด 1 – 14 วันเป็นช่วงที่ใบหน้าบวมช้ำมากที่สุด และ หลังจากนั้นอาการบวมจะค่อยๆลดลงเรื่อยๆ (การบวมช้ำของแต่ละบุคคลไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ะบุคคล)
วันที่ 7 หลังการผ่าตัด โครงหน้าเล็กเรียวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ หน้าดูหวานละมุนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่ายังมีอาการบวมอยู่ สำหรับคนไข้ผ่าตัดปรับโครงหน้า อาจมีอาการชาที่คาง ปาก และ บริเวณแก้มได้ ถือเป็นอาการปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากการบาดเจ็บของเส้นประสาท
วันที่ 10 หลังการผ่าตัด รอยช้ำเริ่มจางลง อาการบวมลดลงอย่าเห็นได้ชัด แต่คนไข้จะสามารถเห็นโครงหน้าของตัวเองได้ชัดเจนที่สุดหลังการผ่าตัดไปแล้ว 6-12 เดือน
วันที่ 11 หลังการผ่าตัดโครงหน้า ทั้ง 2 ข้างเริ่มเท่ากันแล้ว
วันที่ 14 หลังการผ่าตัด หลังจากตัดไหมที่หน้าหูแล้ว หมอจะสอนให้คนไข้ฝึกอ้าปาก เพื่อให้กล้ามเนื้อกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม คนไข้ต้องฝึกอ้าปากทุกวันจนกว่าจะสามารถอ้าปากได้สุด
วันที่ 16 หลังการผ่าตัดจะสังเกตุได้ว่ากรามของคนไข้ดูเล็กลง หน้าส่วนล่างดูเรียวสวยได้รูปมากขึ้น รับกับการผ่าตัดแก้ไขโหนกแก้มที่แคบลง ทำให้ใบหน้าดูมีมิติไม่ว่าจะมองจากด้านหน้าหรือด้านข้าง ที่ EU ของเราจะเน้นการผ่าตัดที่ได้ผลลัพธ์และการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
หลังการผ่าตัดกราม วันที่ 17 สำหรับคนที่ที่โครงหน้ายังไม่เท่ากันในช่วงแรกอย่าเพิ่งกังวลไปนะคะ เพราะอาการบวมของแต่ละคนไม่เท่ากัน โครงหน้าจะค่อยๆดูเท่ากันหลังจากที่อาการยุบบวมดีขึ้นค่ะ สำหรับใครที่อยากทำการผ่าตัดทำศัลยกรรมตัดกราม เราขอแนะนำว่าให้ทำร่วมกับการเลื่อนคาง หรือ ทำการผ่าตัดลดโหนกแก้มร่วมด้วย ตามคำแนะนำของคุณหมอเพื่อให้ได้ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด และเพื่อความสมดุลของใบหน้าค่ะ คนไข้ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะที่ EU ของเราคุณหมอจะแนะนำให้แก้ไขปัญหาอย่าตรงจุด เรียกว่าผ่าตัดเท่าที่จำเป็นแต่ให้ได้ผลลัพธ์สุดยอดนั่นเองค่ะ
หลังการผ่าตัด 20 วัน แค่ 20 ความสวยก็มาแล้ว สำหรับเคสตัดกระดูกปรับโครงหน้า กับ หมอคิมองยุน
ระยะเวลาและขั้นตอนที่ใช้การผ่าตัดกราม
- ระยะเวลาผ่าตัด : 2 ชม.
- วิธีวางยา : ยาสลบ
- หลังการผ่าตัดนอนโรงพยาบาล : 1 วัน
- ตัดไหม : 2 สัปดาห์
- ระยะเวลาพักฟื้น : 2 – 4 สัปดาห์
การผ่าตัดกราม ทำได้ 2 วิธี
การผ่าตัดกรามจากนอกช่องปาก
การผ่าตัดจากภายนอก วิธีนี้แพทย์จะทำการเปิดแผลจากด้านนอกแล้วใช้เครื่องมือตัดกระดูก เหลากรามแล้วจึงทำการเย็บแผล ซึ่งการผ่าตัดสามารถทำได้ง่าย ดูแลง่ายกว่าการผ่าตัดในช่องปาก บวมน้อยกว่าการผ่าตัดแผลในปาก แต่ การผ่าตตัดด้วยวิธีนี้มีโอกาสกระทบกับเส้นมากกว่ามาก ผ่าตัดจากในช่องปาก และอาจมีแผลเป็นหลังการผ่าตัด วิธีที่ EU เลือกใช้
การผ่าตัดกรามจากในช่องปาก
เป็นการผ่าตัดที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์เป็นอย่างมาก เพราะเป็นการผ่าตัดจากในช่องปาก ซึ่งมีพื้นที่ค่อนข้างแคบ แพทย์ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ที่ EU เรามีศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการผ่าตัดศัลยกรรมในช่องปากแบบเฉพาะทาง ดังนั้นคนไข้จึงวางใจได้เลยว่าท่านจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน
ข้อดีของการผ่าตัดจากในช่องปาก คือ การเปิดแผลได้ยาวโดยไม่ต้องกังกลเรื่องของแผลเป็น
ข้อเสียของการผ่าตัดจากในช่องปาก คือ เนื่องจากอยู่ในช่องปากคนไข้ต้องรักษาต้องดูแลรักษาความสะอาด เป็นพิเศษเพื่อป้องกันการอักเสบและติดเชื้อ
การดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดกราม
- หลังการผ่าตัดในช่วง 1-4 วันแรกอาจมีอาการบวมมากให้ประคบเย็นเพื่อให้อาการบวมคงที่ และหลังผ่าตัดวันที่ 5 ไปแล้วให้ประคบอุ่นเพื่อช่วยให้ยุบบวมได้ไวขึ้น
- รักษาความสะอาดในช่องปากโดยการบ้วนปากทุก2 ชั่วโมงเนื่องจากแผลผ่าตัดอยู่ในช่องปาก
- เนื่องจากหลังการผ่าตัดเนื้อเยื่อโดยรอบอาจมีอาการบวมทำให้ไม่สามารถอ้าปากได้ปกติ หลังการผ่าตัดต้องฝึกอ้าปากบ่อยๆเพื่อไม่ให้ข้อต่อขากรรไกรฝืด
- อาจมีอาการหูอื้อ อ้าปากมีเสียงกึก อาการเหล่านี้จะค่อยๆหายเป็นปกติ
- ทานยาตรงตามเวลาที่แพทย์สั่ง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวการตัดกราม
Q : การตัดกราม ทำให้หน้าเล็กลงหรือไม่
A : การตัดกรามคือการลดขนาดความกว้างจองกราม ทำให้ใครงหน้าเล็กลงและดูเรียวขึ้นค่ะ
Q : แผลผ่าตัดกราม อยู่ตรงไหน มีแผลภายนอกหรือไม่ ?
A : การผ่าตัดทั้งหมดเกิดขึ้นในช่องปากค่ะ หลังจากที่ยุบบวมแล้ว ไม่มีร่องรอยของการผ่าตัดให้เห็นเลย นอกจากการได้ใบหน้าที่เรียวขึ้น
Q : แผลผ่าตัดอยู่ในปากจะทานอาหารได้หรือไม่คะ ?
A : ทานได้ค่ะ แนะนำให้ทานเป็นอาหารอ่อน และ อาหารที่ไม่มีรสจัดค่ะ เพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาดแผลที่อยู่ในช่องปาก
Q : หลังผ่าตัดแปรงฟันได้ไหมคะ ?
A : หลังผ่าตัดในช่วง 7 วันแรกแนะนำให้บ้วนปากทุกๆ2 ชั่วโมงแทนการแปลงฟันค่ะ หลังจากนั้นสามารถแปลงฟันได้เบาๆ
Q : การตัดกรามมีผลข้างเคียงหรือเปล่า ?
A : การตัดกรามมักจะมีปัญหาเกี่ยวกับแผลอักเสบติดเชื้อ กรามดูไม่เท่ากันในช่วงแรก หรือเส้นประสาทได้รับความกระทบกระเทือน ทำให้ริมฝีปากชาค่ะ แต่อาการเหล่านี้เป็นอาการชั่วคราวเท่านั้น จะค่อยๆหายเป็นปกติหลังการผ่าตัด 6-12 เดือนค่ะ